เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ที่เพิ่งผ่านมานี้ ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน จากฉบับปี 2541 (ฉบับที่ 7) โดยที่ประชุม สนช. เห็นชอบทั้งหมด 25 มาตรา ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 5 เมษายน และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป โดยมีการแก้ไขร่างกฎหมายเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์กับลูกจ้าง ซึ่งมีประเด็นสำคัญโดยสรุปดังต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1: กรณีลากิจ
เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างสามารถลากิจธุระอันจำเป็น ได้ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยที่ยังได้รับค่าจ้างตามปกติ
ประเด็นที่ 2: สิทธิลาคลอดบุตร
เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ ลาก่อนคลอดและหลังคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน จากเดิมมีสิทธิลา 90 วัน ไม่รวมลาฝากครรภ์หรือตรวจครรภ์ แต่ให้นับรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย ซึ่งเดิมใน 90 วันนั้น จะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน และจากประกันสังคมอีก 45 วัน ทั้งนี้เมื่อเพิ่มวันลาคลอดบุตรเป็น 98 วัน สำหรับ 8 วันที่เพิ่มขึ้นมานั้น นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างระหว่างลาหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน
ประเด็นที่ 3: เงินค่าชดเชยเลิกจ้าง
เพิ่มอัตราค่าชดเชยการเลิกจ้างอีกหนึ่งอัตรา คืออัตราที่ 6 ให้กับลูกจ้างที่ทำงานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จะได้ค่าชดเชย 400 วัน จากเดิม มีแค่ 5 อัตรา มากที่สุดคือชดเชย 300 วัน รวมอัตราใหม่โดยสรุปเป็น ดังนี้
อัตราที่ 1 ลูกจ้างที่ทำงานมาครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปีได้ค่าชดเชย 30 วัน
อัตราที่ 2 ลูกจ้างหากทำงานครบ 1 ปีแต่ไม่ครบ 3 ปี ได้ค่าชดเชย 90 วัน
อัตราที่ 3 ลูกจ้างทำงานครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปีจะได้รับเงินชดเชย 180 วัน
อัตราที่ 4 ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับเงินชดเชย 240 วัน
อัตราที่ 5 ลูกจ้างทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้เงินชดเชย 300 วัน
อัตราที่ 6 ลูกจ้างทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 400 วัน
ประเด็นที่ 4: กรณีเปลี่ยนตัวนายจ้าง
กรณีที่นายจ้างเปลี่ยนตัวนายจ้างหรือนิติบุคคล ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้กับลูกจ้าง ซึ่งตามกฎหมายเดิมนั้นลูกจ้างต้องไปฟ้องศาลเอาเอง
ประเด็นที่ 5: กรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบการไปที่อี่น
หากลูกจ้างไม่ตามไปก็สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ และได้สิทธิชดเชยให้เป็นไปตาม ระบบอัตราการชดเชยการเลิกจ้างทั้ง 6 อัตราตามที่ได้กำหนดไว้
ประเด็นที่ 6: กรณีค่าตอบแทน
หากนายจ้างไม่จ่ายค่าตอบแทน โดยของเดิมดอกเบี้ยให้ร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีลูกจ้างไปฟ้องขอ กฎหมายใหม่ให้ได้สูงสุดถึง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ประเด็นที่ 7: การให้สิทธิที่เท่าเทียมระหว่างหญิงชาย
โดยลูกจ้างไม่ว่าหญิงหรือชายจะมีสิทธิเท่าเทียมกันในเรื่องค่าจ้าง ค่าตอบแทน ซึ่งกฎหมายเดิมไม่ได้กำหนดเอาไว้ การระบุความเท่าเทียมกันนี้ไว้ในกฎหมายฉบับใหม่นี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 100
หมายเหตุ Update บทความวันที่ 5 เมษายน 2562
หากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม หรืออยากให้ช่วยเรื่องอื่นใดเกี่ยวกับการบริการงานบุคคล (HR) กดตรงนี้ เพื่อติดต่อทีมงาน PXO ได้เลยคะ ยินดีให้บริการ! 🙂
ที่มา: สภานิติบัญญัติแห่งชาติ – รายละเอียดวาระการประชุม, รายงานการประชุม วันที่ 13 ธันวาคม 2561, ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันนี้ 5 เมษายน 2562
ขอบคุณที่แชร์คะ ได้ความรู้มากเลย
Thanks! 🙂
As I website owner I believe the subject matter here is really great, thanks for
your efforts. https://homenetix.org/
You really make it appear really easy along with your presentation however I to find this matter to be really something that I feel I would never understand. It kind of feels too complex and extremely large for me. I am looking ahead in your next publish, I?¦ll try to get the hold of it!
FYI พรบ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับแก้ไขล่าสุด 2562 ยังไม่ได้ประกาศใช้ค่ะ แต่คาดว่าน่าจะประกาศในเดือนนี้ ยังไงเราจะรออั๊พเดดสถานะอีกทีใน blog นะคะ
FYI – ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วค่ะเมื่อวันที่ 5 เมษายน และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2562